นักวิจัยไทยเจ๋งค้นพบ “HeLP” นวัตกรรมกู้ชีพคนไทย จากเซรั่มน้ำยางพารา ขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรรายแรกของโลก - ASEAN All News

ASEAN All News

ข่าวสารอัพเดท ทันทุกเทรนด์โลก รอบรั้วอาเซียน

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Friday, May 16, 2025

นักวิจัยไทยเจ๋งค้นพบ “HeLP” นวัตกรรมกู้ชีพคนไทย จากเซรั่มน้ำยางพารา ขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรรายแรกของโลก

ทีมวิจัย ม.สงขลาฯ ค้นพบ “HeLP” สารชีวโมเลกุลยางพาราครั้งแรกของโลก คุณสมบัติเพียบเป็นพรีไบโอติกช่วยปรับสมดุล เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ยับยั้งเซลมะเร็งในสัตว์ทดลอง พร้อมพัฒนากระบวนการสกัดในระดับอุตสาหกรรมได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก

 

รศ.ดร.เภสัชกร ฐณะวัฒน์ พิทักษ์พรปรีชา ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพจากน้ำ ยางพาราสู่เชิงพาณิชย์ (CERB) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในอุตสาหกรรมยางพารา น้ำยางที่ถูกนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นจะมีส่วนที่เป็นเนื้อยางอยู่เพียงร้อยละ 30-40 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 60-70 เป็นส่วนที่เรียกว่า เซรั่มน้ำยางพารา จะถูกทิ้ง หากเป็นโรงงานอุตสาหกรรมจะนำไปผ่านการบำบัดก่อนจะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ขณะที่เกษตรกรรายย่อยบางครั้งอาจทิ้งลงแหล่งน้ำโดยตรง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมา เราพบว่ายางพาราเป็นพืชชนิดเดียวในโลกที่ถูกกรีดทำให้เกิดบาดแผลซ้ำ ๆ ทุกวัน แต่กลับสามารถฟื้นฟูรักษาตัวเองกลับมาได้อยู่เสมอ คณะนักวิจัยจึงคาดว่ายางพาราน่าจะผลิตสารบางอย่างเพื่อบำบัดตัวเอง ซึ่งน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ และเซรั่มน้ำยางพาราที่ถูกทิ้งในทุกวันเคยมีการวิจัยพบสารที่เป็นประโยชน์อย่างน้ำตาลคิวบราซิทอล (Quebrachitol) ซึ่งมีในปริมาณมากและยังสามารถสกัดออกมาได้ง่าย เราจึงคิดว่าน่าจะมีสารประกอบอื่นที่มีประโยชน์มากกว่านั้น และในที่สุดเราก็พบสารชีวโมเลกุลใหม่ HeLP (Hevea Latex Polysaccharide)


“สารตัวนี้เพิ่งมีการค้นพบเป็นครั้งแรกของโลก และมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก อย่างที่ทราบกันว่าพรีไบโอติกสารสกัดที่เพิ่งค้นพบในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ช่วยในการปรับสมดุลทางเดินอาหารซึ่งถือเป็นสมองส่วนที่ 2 ของร่างกาย หากรับประทานสิ่งที่ดีกับลำไส้และทางเดินอาหารก็จะสามรถกระตุ้นการทำงานและช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น ดังนั้นเราสามารถนำ HeLP มาใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน บำบัด และรักษาไปพร้อมกัน ปัจจุบันประเทศไทยสูญเสียงบประมาณในการรักษาประชากรเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องการป้องกันยังเป็นส่วนน้อย ซึ่ง HeLP จะช่วยปรับภูมิคุ้มกันและทำให้สุขภาพของคนไทยให้ดีขึ้นได้”

จากการศึกษาของทีมวิจัยพบว่า HeLP สามารถปรับสมดุลได้ในระดับเซลล์ผ่านกลไกใหม่ที่เพิ่งมีการค้นพบและกำลังเป็นที่สนใจได้แก่ Gut-Microbiota-Immune-Brain-Axis สารดังกล่าวมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกมีบทบาทสำคัญในการปรับสมดุลของทั้งเชื้อจุลินทรีย์ประจำถิ่น (microbiota) และระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) ในทางเดินอาหาร ส่งผลต่อเนื่องต่อการปรับสมดุลในการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถต้านมะเร็งในสัตว์ทดลองแบบผ่านภูมิคุ้มกันเจ้าบ้าน (host-mediated anticancer) อีกทั้งยังมีผลโดยตรงต่อเซลล์และเนื้อเยื่อ ได้แก่ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และสมานแผลในระดับเซลล์ รวมถึงต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ในสัตว์ทดลอง

“ส่วนประกอบของต้นยางพาราไม่เคยมีประวัติการนำมาบริโภคมาก่อน จึงถูกตีกรอบว่าเป็นไปไม่ได้ นี่จึงเป็นแรงผลักดันให้คณะนักวิจัยพยายามค้นคว้าจนสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เพราะเราไม่ได้บริโภคน้ำยางพาราแต่เป็นการนำสารสกัดที่มีอยู่ออกมา สาร HeLP เป็นสารกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ คล้ายไฟเบอร์และข้าวแต่ซับซ้อน มีความทนทานต่อการย่อยในระบบทางเดินอาหารโดยเมื่อเป็นพรีไบโอติกแล้วจะทำหน้าที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันทางเดินอาหาร ก่อนจะส่งต่อไปยังระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งมีการสื่อสารกับสมอง ส่วนไมโครไบโอต้าคือ เชื้อดี ๆ ในทางเดินอาหาร อิมมูนคือระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และเบรนด์ เป็นการทำงานร่วมกันของทั้งสี่ระบบ ซึ่ง HeLP ตอบโจทย์ทั้งหมด และยังมีคุณสมบัติเด่นเรื่องไม่สะสมในร่างกาย เพราะร่างกายไม่ได้ดูดซึมโดยตรง จึงไม่เป็นพิษต่อตับและมีความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญ เราอยากให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ โดยสามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ทุกรูปแบบทั้งผง เม็ด น้ำ แคปซูล เจล เพราะมีความคงตัวสูง แต่มีการดูดความชื้นที่ดี อาจจะตั้งทิ้งไว้นานไม่ได้เพราะมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบ รวมถึงผลิตเป็นเวชสำอางค์เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยสมาน แผล โดยมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้แผลหายเร็วขึ้น ในอนาคตจะมีการทดลองในมนุษย์เพื่อผลิตเป็นสมุนไพรหรือยาต่อไป”

ดร.นำโชค โสมาภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนซุส จำกัด กล่าวว่า เจตนาแรกเริ่มที่ทำเรื่องนี้เนื่องจากช่วงที่มีการระบาดของโควิด เราอยากช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว จึงพยายามหาทางออกเพื่อลดโอกาสเกิดโรคระบาดลง จนกระทั่งมีการค้นพบ HeLP ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลตัวใหม่ของโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนเป็นอาหารใหม่ หากเรียบร้อยแล้วมีแผนจะพัฒนาร่วมกับผู้ประกอบการที่ผลิตเครื่องดื่มหรืออาหารเสริม ทั้งโรงงานผลิตอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ และยา โดยจะเริ่มทดลองการผลิตหลังจากได้รับการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว สำหรับเซรั่มบำรุงผิวพรรณที่นำมาจัดแสดงเป็นส่วนหนึ่งของเบต้ากลูแคนซึ่งมีการขึ้นทะเบียนไว้ก่อนแล้ว โดยนำเบต้ากลูแคนมาลดขนาดโมเลกุลลงด้วยการใช้เซรั่มน้ำยางพาราเพื่อให้สามารถดูดซึมเข้าผิวได้เร็วขึ้น ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีการผลิตและวางจำหน่ายแล้วที่ร้านโอเอ และเจมส์แกลเลอรี่ ของสยามเจมส์ สำหรับ HeLP ยังต้องรอการอนุมัติจาก อย. ก่อนถึงจะดำเนินการได้


“ผมเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมทดลอง แรก ๆ รู้สึกว่าได้ประโยชน์และได้ผลดีจริง คนเป็นภูมิแพ้อย่างผมกินแล้วดีขึ้นมาก แต่ความท้าทายคือทำอย่างไรจะนำไปสู่การผลิตในปริมาณมาก เพราะนักวิจัยที่ทำงานในแล็บจะยึดมั่นกับความคิดของตัวเอง แต่ไม่ใช่สำหรับทีมของ รศ.ดร.เภสัชกร คณะนักวิจัยเปิดใจรับฟังมาก เราปรึกษากันว่าทำอย่างไรจะสามารถลดต้นทุนให้ได้อย่างน้อย 95% สำหรับการนำมาผลิตเพื่อใช้ประโยชน์ให้กับประชาชน เพราะต่อให้เป็นยาวิเศษแค่ไหนหากยังต้องใช้ทุนสูงอย่างที่ทำให้ห้องวิจัยก็จะไม่สามารถผลิตเชิงพานิชได้ ซึ่งทีมวิจัยก็พยายามช่วยหาวิธีเพื่อตอบโจทย์จนพบสารตัวใหม่อย่าง HeLP”

ทีมวิจัยได้จดสิทธิบัตรทั้งในไทยและต่างประเทศแล้ว โดยขณะนี้ HeLP อยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนเป็นอาหารใหม่ (novel food) ผ่านสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติ ภายในกลางปีนี้ รวมถึงอยู่ในระหว่างการสร้างโรงงาน Biorefinery เซรั่มน้ำยางพารามาตรฐาน GMP แห่งแรกของ โลกในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ โดยบริษัท อินโนซุส จำกัด โดยโรงงานดังกล่าวมีความสามารถในการสกัดเซรั่มน้ำยางพาราได้วันละประมาณ 20,000 ลิตร ซึ่งจะผลิต HeLP ได้ประมาณเดือนละ 5,000 กิโลกรัม รวมถึงยังสามารถผลิต functional ingredients อื่น ๆ ซึ่งมีศักยภาพพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเวชสำอาง อาหารฟังก์ชั่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร นวัตกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย โดยปัจจุบันมีเซรั่มน้ำยาพาราที่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมยางพาราถึง 300,000 ลิตรต่อเดือน

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพจากน้ำยางพาราสู่เชิงพาณิชย์ ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมจากเซรั่มน้ำยางพารามาอย่างต่อเนื่องกว่า 20 ปี โดยได้รับสนับสนุนงบประมาณกว่า 200 ล้านบาทจากทั้งภาครัฐและเอกชน ผ่านหน่วยงานให้ทุนต่าง ๆ ภายใต้ อว. เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้าน ชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) รวมถึงมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และบริษัท อินโนซุส จำกัด ที่มุ่งมั่นพัฒนา


การค้นพบครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมุ่งเน้นการผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ก่อให้เกิดผลงานนวัตกรรมด้านยางพาราในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังสร้างผลกระทบ (impact) ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และ สังคม ได้แก่ ลดมลพิษและต้นทุนในการบำบัดเซรั่มจากโรงงานอุตสาหกรรมยางพาราก่อนปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม เพิ่มมูลค่าให้กับน้ำยางและส่วนของเซรั่ม ส่งเสริมสหกรณ์ กองทุนสวนยางให้มีมาตรฐาน GMP นำไปสู่การสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมยางพาราใหม่ ที่สร้างความยั่งยืนและมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมยางพารา


ทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสของประเทศในการพัฒนาอุตสาหกรรม Biorefinery ซึ่งจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นตสาหกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ วัตถุดิบทางการเกษตรและทรัพยากรชีวภาพ สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการกระจายรายได้อย่างทั่วถึง (Inclusive economy) สนับสนุนเศรษฐกิจตามแนวทาง BCG Economy ที่ประกอบด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เนื่องจากเป็นการพัฒนาภาคเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า (Regenerative economy) สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เซรั่มน้ำยางพาราซึ่งเป็นผลพลอยได้เหลือทิ้งในกระบวนการผลิต ไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs)

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages