ววน.รวมพลังฝ่าวิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5 จับมือ ก.พ.ร.ลุยแก้ปัญหาระดับจังหวัด - ASEAN All News

ASEAN All News

ข่าวสารอัพเดท ทันทุกเทรนด์โลก รอบรั้วอาเซียน

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Tuesday, February 7, 2023

ววน.รวมพลังฝ่าวิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5 จับมือ ก.พ.ร.ลุยแก้ปัญหาระดับจังหวัด



รมว. อว. แถลง ววน. รวมพลังเครือข่ายภาคีนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ แก้วิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5 เผยจับมือ ก.พ.ร. นำร่องพื้นที่เป้าหมายในสองจังหวัด ลำปางและสิงห์บุรี พร้อมขยายผลต่อในเชียงใหม่และขอนแก่นที่มีแนวโน้มค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้น


วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานแถลงข่าว “ววน.รวมพลังฝ่าวิกฤต PM2.5” ณ ห้องประชุม อาคารพระจอมเกล้า ถนนโยธี ซึ่ง อว. มีความร่วมมือกับเครือข่ายภาคีต่าง ๆ ในการนำวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) เป็นเครื่องมือในการแก้วิกฤตทางอากาศ ซึ่งประเทศไทยกำลังประสบปัญหาค่าความเข้มข้นของ PM2.5 ในบรรยากาศเกินค่ามาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพประชาชน ทั้งในกรุงเทพมหานครและหลายจังหวัดทั่วประเทศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเป็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต



ทั้งนี้ อว. ตระหนักถึงปัญหา PM2.5 โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในฐานะหน่วยงานหลักในการบูรณาการขับเคลื่อนระบบวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ ได้กำหนดประเด็นการแก้ปัญหานี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนงานวิจัยในยุทธศาสตร์ที่ 2 การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของแผนด้าน ววน. โดยเชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ ในระบบ ววน. ทั้งหน่วยบริหารและจัดการทุน รวมทั้งหน่วยวิจัยและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาร่วมขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น ข้อตกลงความร่วมมือด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ผ่านกลไกการทำงานของอนุกรรมการส่งเสริมการบริหารภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม โดยเลือกประเด็นการแก้ไขปัญหาและลดฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศ มีพื้นที่ทดลองนำร่องในจังหวัดลำปางและสิงห์บุรี


จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมและจุดไฟไหม้ในพื้นที่ของ 2 จังหวัดเป้าหมาย พบว่าจังหวัดลำปางมักเกิดจุดไฟไหม้ในพื้นที่ป่า ขณะที่จังหวัดสิงห์บุรีมักเกิดจุดไฟไหม้ในพื้นที่เกษตรโดยเฉพาะไร่อ้อยและนาข้าว สกสว.จึงค้นหางานที่มีศักยภาพในพื้นที่ อาทิ ผลงานวิจัย Low-cost sensor (DUSTBOY) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) นำมาเชื่อมโยงข้อมูลให้ไปแสดงผลค่าฝุ่นละอองแบบเรียลไทม์ร่วมกับสถานีวัดสภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษบนแพลตฟอร์มกลางบนเว็บไซต์ http://pm25air.opengovernment.go.th ซึ่งพัฒนาโดย ก.พ.ร. และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ


ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA โดยผู้แทนระดับจังหวัดสามารถนำข้อมูลระดับพื้นที่ขึ้นแสดงร่วมกันได้ เช่น ข้อมูลจุดเกิดไฟไหม้ในพื้นที่โล่ง ข้อมูลการขออนุญาตจัดการการเผา ฯลฯ ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสำคัญและหน่วยงานในจังหวัดเป้าหมายสามารถบริการจัดการปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์



ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม กล่าวถึงผลการติดตามการดำเนินงานระดับพื้นที่ว่าจุดความร้อนในทั้งสองจังหวัดลดลงกว่าร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยใน 5 ปีก่อนหน้า โดยจังหวัดลำปางการเกิดจุดความร้อนลดลงจาก


ปี 2564 จำนวน 3,549 จุด หรือร้อยละ 61 และพื้นที่เกิดไฟไหม้ลดลงร้อยละ 88 ขณะที่จังหวัดสิงห์บุรีปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบในฤดูกาลผลิตลดลงจากปี2564 ร้อยละ 13 สถิติการลอบเผาตอซังข้าวและเศษวัสดุเกษตรอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 29


สำหรับแนวทางการแก้ปัญหาในจังหวัดลำปาง สกสว. ก.พ.ร. และหน่วยงานภาคี ได้คัดเลือกงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการมุ่งเน้นการสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐศาสตร์ เพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนในการลดการเผาในพื้นที่ป่า เช่น แพลตฟอร์มการสร้างรายได้ป้อนกลับให้กับชุมชนที่ดูแลรักษาป่าผ่านกลไกตอบแทนคุณนิเวศ รวมถึงการขยายผลงานวิจัยการบริหารจัดการป่าชุมชน เปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นเกษตรปราณีตเพื่อสร้างรายได้และลดผลกระทบในพื้นที่ป่า ฯลฯ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ประโยชน์และภาคเอกชนที่พร้อมสนับสนุน ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาในจังหวัดสิงห์บุรีได้คัดเลือกงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์และสร้างรายได้จากเศษวัสดุทางการเกษตรซึ่งเป็นต้นเหตุของการเผา เช่น แพลตฟอร์มที่ให้เกษตรลงทะเบียนในระบบติดตามการลดเผาเพื่อรับประโยชน์จากการจัดการชีวมวล เครื่องจักรขนาดเล็กที่ช่วยตัดสางใบอ้อยเพื่อลดการเผา การแปรรูปเศษชีวมวลเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และระบบโลจิสติกส์เพื่อจัดการการซื้อขายเศษวัสดุเกษตรเพื่อใช้เป็นชีวมวล ฯลฯ


รศ. ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง สกสว. ได้กล่าวถึงการวิเคราะห์ 4 ฉากทัศน์ของการจัดการฝุ่นและมลพิษทางอากาศ โดยการใช้ AI ประมวลผลจากงานวิจัยกว่า 20,000 ชิ้นงาน พบว่าหากได้ร่วมกันนำผลงานวิจัยมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ จะสามารถลดวันที่ฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในกรุงเทพมหานคร ได้ถึงร้อยละ 83.55 และลดโอกาสการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้โดยเฉลี่ยประมาณ 3,748 คนต่อปี



ส่วนการดำเนินงานต่อไป รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. จะร่วมมือกับหน่วยงานในระบบ ววน. ก.พ.ร. และกรมควบคุมมลพิษ ดำเนินการต่อเนื่องในพื้นที่เป้าหมายทั้งสองจังหวัด และขยายผลในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งต้องการใช้ผลงานวิจัยขับเคลื่อนการดำเนินงานในระดับจังหวัด และเตรียมการขยายผลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีแนวโน้มค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นจากอุตสาหกรรมน้ำตาลที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ สกสว. ได้เสนอแผนการขับเคลื่อนการนำผลงานและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในปีงบประมาณ 2567 ด้วย

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages