งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องประชุม ชั้น 19 อาคารภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล ภายในงาน ประกอบด้วย การมอบทุนการศึกษา การบรรยายพิเศษโดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านระบบรางทั้งในและต่างประเทศ
รศ.ดร.สุชาติ เหลืองประเสริฐ รองคณบดีฝ่ายบริหาร |
นายเดวิด เอ๊ทคิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย เอ็กซิบิทชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด บริษัทผู้จัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดิน และเทคโนโลยีระบบราง เปิดเผยถึงความสำเร็จการจัดงานว่า ไฮไลท์การจัดงานในปีนี้ได้รับความร่วมมือหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชน ในการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านโปรแกรมการประชุมด้านเทคโนโลยี ระบบราง และเทคโนโลยีระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม หรือ RAIL Asia & Transport Infrastructure Asia มีความโดดเด่นในหัวข้อการประชุมที่เป็นสนในอุตสาหกรรมระบบราง อาทิ
ระบบส่งสัญญาณสำหรับรถไฟสายหลักในประเทศไทย โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย, การลดคาร์บอนในประเทศไทยและEEC โดย ผศ.ดร.เทอดเกียรติ ลิมปิทีปราการ มหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี, โครงการรถไฟและโมโนเรล โดยดร.อาวาเดห์ อับเดล บาเซส ผู้จัดการฝ่ายบูรณาการระบบและวิศวะกรรม บริษัทนอร์เทิร์นบางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) และบริษัท อีสเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด ( EBM), โครงการ Land Bridge โดยนายจิรโรจน์ สุกลรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบขนส่งและจราจรภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), การขยายตัวของระบบขนส่งทางรางประเทศไทย โดยนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และหัวข้ออื่นๆ มากมาย
นายเดวิด ได้กล่าวต่อว่า สำหรับงาน Rail Asia 2024 ในปีหน้านั่น จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 11-12 ธันวาคม 2567 รายละเอียดสถานที่ หรือข้อมูลข่าวสารอื่นๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยติดต่อทีมงานโดยตรงที่rail@aes-exhibitions.com; www.railasiaexpo.com
ด้าน รศ.ดร.วิชัย ศิวะโกศิษฐ รองศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมเครื่องกล ภาควิชาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ประธาน IRSE Thailand section KU Rail มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ในงาน RAIL Asia 2023 จะมีการเสวนา จัดประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีรถไฟฟ้าใหม่ๆ อัพเดทล่าสุดมานำเสนอ ภาครัฐเอกชนจะได้พบปะผู้ที่เข้ามานำเสนอเทคโนโลยีใหม่กับทางผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาแลกเปลี่ยนกันโดยตรง
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง กล่าวถึง งาน Rail Asia 2023 เป็นงานที่สำคัญที่ดึงคนในอุตสาหกรรมระบบรางมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อให้เกิดพัฒนาการขนส่งในไทย และมองว่าภาพรวมการขยายตัวของอุตสาหกรรมระบบรางในขณะนี้มีความก้าวหน้าไปอย่างชัดเจน เกิดรถไฟฟ้าสายต่างของประเทศไทย มีรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ล่าสุดได้เปิดบริการสายสีชมพูราคา 20 บาทตลอดสาย ในภาระกิจหลักของกรมฯจะมี 2 ส่วนหลัก การดูแลความสะดวกสบาย ความปลอดภัยให้กับประชาชนที่ใช้บริการระบบราง รวมถึงสนันสนุนภาคเอกชน รับฟังความคิดเห็นต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงบริหารงาน ในขณะเดียวกันก็มีหน้าทีควบคุมไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้ใช้บริการ โดยได้มีข้อกำหนดกฏหมายออกมาคาดว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ปลายปีหน้า ซึ่งขั้นตอนปัจจุบันร่างกฏหมายรอเข้าสู่การประชุมสภาในวาระหน้า เพื่อการพิจารณาออกเป็นกฏหมายบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ในงาน RAIL Asia 2023 โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งได้มีการประชุมเสวนาหัวข้อ โครงการ Land Bridge พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงขนส่งอ่าวไทย-อันดามัน ได้รับความสนใจอย่างมาก
นายจิรโรจน์ สุกลรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมระบบขนส่งและจราจรภูมิภาค กล่าวถึง โครงการ Land Bridge ว่าจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่าง อ่าวไทย และ อันดามัน “แลนด์บริดจ์” สะพานเศรษฐกิจภาคใต้ (ชุมพร-ระนอง) ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) และถ้าสามารถลงทุนพัฒนาโครงการนี้ได้สำเร็จ นั่นหมายถึงจะเป็นอภิมหาเมกะโปรเจกต์ของประเทศไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 1 ล้านล้านบาท ถือว่าเป็นการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสองฝั่งทะเลของอ่าวไทย ภายใต้โครงการที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างกันด้วยระบบราง (รถไฟทางคู่) และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ภายใต้แนวคิด” One Port Two Side” จุดเด่นที่เหนือกว่ามะละกา
สำหรับโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย – อันดามัน หรือที่เรียกว่า Land Bridge ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาพเอกชน ในเบื้องต้นทางที่ประชุมได้ดำเนินการในส่วนแรกที่ตั้งไว้คือค่าเวนคืนพื้นที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนของการลงทุนในเรื่องโครงสร้างต่าง ๆ จะเป็นส่วนของภาคเอกชนซึ่งต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ ทั้งนี้ภาคเอกชนก็ดียังมองว่าภาครัฐเองจะช่วยอย่างไรอีกได้บ้างกับ model แรกนี้ ในส่วนของขนาด Feeder วัดตู้ได้ 8,000 ตู้ (maximum) (ไซส์ของเรือที่เข้าแหลมฉบัง) สำหรับส่วนที่เป็น main line คือไซส์ 12,000 ตู้ขึ้นไป นั่นหมายถึง การทำ Land Bridge ในครั้งนี้ เราดึง Feeder เป็นจุดเด่น เมื่อเทียบกับช่องแคบมะละกา ที่มีเรือบรรทุกสินค้าผ่านเพียง 600 ลำ/วัน
การทำ Land Bridge สะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย – อันดามัน จึงถือเป็นประตูการค้าใหม่ ที่สามารถพลิกโฉมเส้นทางขนส่งระดับโลก เมื่อได้มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบการพัฒนาการลงทุนแล้ว (Business Development Model) เมื่อดูจากจากตำแหน่งที่ตั้งของประเทศไทย ที่มีความได้เปรียบที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีลักษณะทางกายภาพสามารถเปิดสู่ทะเลทั้งสองด้านจึงเป็นโอกาสที่จะได้ใช้ประโยชน์ทางเลือกในการขนส่งสินค้าทางทะเลเพื่อเชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ได้เป็นอย่างดี
No comments:
Post a Comment