การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จัดงานวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบ 52 ปี แห่งการดำเนินงาน ในฐานะหน่วยงานหลักในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศ ภายใต้แนวคิด "52nd I-EA-T SPIRIT: EMPOWERING SUSTAINABLE FUTURE เสริมสร้างอนาคตนิคมไทย ก้าวต่อไปสู่ความยั่งยืน" โดยในช่วงเช้า มีพิธีทำบุญตักบาตร และสักการะพระพุทธสิริโรจนนิคม พระประจำ กนอ. เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามด้วยพิธีการทางศาสนาของศาสนาอิสลาม และคริสต์ ณ สำนักงานใหญ่ กนอ. ถนนวิภาวดีรังสิต โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหาร และ พนักงาน กนอ. และแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานต่างๆ ร่วมแสดงความยินดี
จากนั้นนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. ได้แถลงถึงทิศทางการดำเนินงานและเป้าหมายของ กนอ. ในอนาคต โดยระบุว่า เป้าหมายการดำเนินงานของ กนอ.ภายใต้แนวคิด "52nd I-EA-T SPIRIT: EMPOWERING SUSTAINABLE FUTURE เสริมสร้างอนาคตนิคมไทย ก้าวต่อไปสู่ความยั่งยืน" มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและชุมชน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases : GHGs) โดยในปี 2568 ตั้งเป้าลดการปล่อย GHGs ในภาพรวมอย่างน้อย 2,500,000 kg CO2e รวมทั้งส่งเสริมพลังงานทางเลือก และมุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutralitb และยกระดับโรงงานให้ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว 100% ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรในเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ เช่น ECO 5 มิติ, SMART ECO 4.0, ISO 14001 เพื่อยกระดับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ นอกจากนี้ยังมีการจัดทำแผนงาน Roadmap ของ กนอ. ในการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยมีเป้าหมาย การเข้าถึงน้ำสะอาด พลังงานสะอาด การจ้างงานที่ดี การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายสุเมธ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Smart Park และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 และสถานภาพการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ณ เดือนตุลาคม 2567 ที่ล่าสุดมียอดเงินลงทุนสะสมสูงถึง 17.24 ล้านล้านบาท โดยสถานภาพการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศ ณ เดือนตุลาคม 2567 มีนิคมอุตสาหกรรมรวม 70 แห่ง 1 ท่าเรืออุตสาหกรรมใน 17 จังหวัด คิดเป็นพื้นที่ 191,515 ไร่ มีโรงงาน 5,318 โรงเงินลงทุนสะสม 17.24 ล้านล้านบาท และมีแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม กว่า 1 ล้านคน โดยกลุ่มอุตสาหกรรม TOP 5 ได้แก่ 1.ผลิตยานพาหนะและอุปกรณ์รวมทั้งการซ่อมยานพาหนะ 2.ผลิตภัณฑ์โลหะ 3.ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 4.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 5.เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี สำหรับนักลงทุนต่างชาติ TOP 5 เรียงตามลำดับจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ อเมริกา และไต้หวัน
“การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของ กนอ. ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประเทศไทย” รักษาการผู้ว่าการ กนอ. กล่าวทิ้งท้าย
No comments:
Post a Comment