

นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวต่อว่า ในส่วนของอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ของการประกันวินาศภัยประเภทต่าง ๆ ในรอบ 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ของปี 2567 นั้น พบว่า อัตราความเสียหายโดยรวมของการประกันภัยทุกประเภทนั้นเท่ากับ 56.9% ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการบริหารความเสี่ยงและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยอัตราความเสียหายของการประกันภัยรถยนต์ 61.7% อัตราความเสียหายของการประกันอัคคีภัย 23.7% อัตราความเสียหายของการประกันภัยทางทะเล 30.0% และอัตราความเสียหายของการประกันภัยเบ็ดเตล็ด 50.9% (ประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด (44.0%) ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมาย (32.2%) ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (48.8%) ประกันสุขภาพ (65.5%) ประกันภัยการเดินทาง (32.8%) และการประกันภัยอื่น ๆ (40.9%)) ซึ่งจากผลการดำเนินการของธุรกิจประกันวินาศภัย ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 มีกำไรจากการรับประกันภัยลดลงจากอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ที่เพิ่มขึ้นใน 3 ประเภทงานหลัก คือ รถยนต์ ประกันความเสี่ยงภัยทุกชนิด และประกันสุขภาพทั้งนี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2568 ว่าจะมีอัตราการเติบโตราว 1.5%-2.5% เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 291,240 - 294,100 ล้านบาท จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจประกันภัย ขณะที่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล (InsurTech) เป็นปัจจัยหลักในการผลักดันธุรกิจประกันภัยไปข้างหน้า ทั้งการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และทำให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงปัจจุบันประชาชนต่างตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและการเสี่ยงภัยธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลให้ปีหน้าประกันอัคคีภัยจึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ด้านประกันภัยการเดินทางยังคงเติบโต ด้วยปัจจัยบวกจากการแข็งค่าของเงินบาทและการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทั้งนี้ในระยะยาวการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากประชาชนรับรู้ถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อถูกละเมิด ทำให้ภาพรวมในปี 2568 ธุรกิจประกันภัยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2568 นี้ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตในอัตราที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอนสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัย แม้จะยังต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ ทั้งภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี การจัดการความเสี่ยงด้านไซเบอร์ ซึ่งส่งผลกระทบกับองค์กรทุกระดับ การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม ทำให้ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ
“ธุรกิจประกันวินาศภัย จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้บุคคลและธุรกิจสามารถก้าวผ่านความเสี่ยงต่าง ๆ ไปได้ ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองทางการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงในระยะยาว ธุรกิจประกันวินาศภัย จึงถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การเข้าใจความเสี่ยงและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้ดำรงอยู่ และเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวในตอนท้าย
No comments:
Post a Comment