นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 มีมติเห็นชอบการจัดตั้งวัดคาทอลิกจำนวน 1 แห่ง และเห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิกเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ เพื่อเป็นวัดคาทอลิกตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564
สำหรับวัดคาทอลิกที่ได้รับการจัดตั้งใหม่ จำนวน 1 แห่ง คือ วัดนักบุญออกัสติน (ลาดหลุมแก้ว) จังหวัดปทุมธานี สังกัดเขตปกครอง มิซซังโรมันคาทอลิกกรุงเทพฯ ส่วนวัดคาทอลิกที่ได้รับการรับรองเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่ วัดพระเมตตา (ไทรงาม) จังหวัดราชบุรี สังกัดมิซซังโรมันคาทอลิกราชบุรี และวัดนักบุญยอห์น บอสโก โคกสะอาด จังหวัดสกลนคร สังกัดมิซซังโรมันคาทอลิกท่าแร่–หนองแสง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดตั้งวัดคาทอลิกครั้งนี้ ถือเป็นวัดแห่งแรกที่ยื่นคำขอจัดตั้งตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 โดยวัดคาทอลิกที่ผ่านการจัดตั้งและรับรอง ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน ได้แก่ ได้รับความเห็นชอบจากสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย มีข้อมูลสถานที่ตั้งชัดเจน มีเอกสารสิทธิ์หรือหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดิน มีบาทหลวงประจำวัดที่ประกอบศาสนกิจอย่างต่อเนื่อง มีเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร เอกสารรับรองความมั่นคงแข็งแรง มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน และมีอุปกรณ์สำหรับใช้ในการประกอบพิธีที่จำเป็น รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากศาสนิกชนในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ การจัดตั้งวัดคาทอลิกเป็นการดำเนินงานที่แยกจากกระบวนการรับรองวัดคาทอลิก ซึ่งดำเนินการกับวัดที่จัดตั้งขึ้นใหม่อย่างถูกต้องตามระเบียบฯ โดยปัจจุบันมีวัดคาทอลิกที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรับรองแล้วจำนวน 303 วัด จากจำนวนคำขอให้รับรองทั้งหมด 360 แห่ง ที่มิซซังทั่วประเทศยื่นผ่านกรมการศาสนา ส่วนอีก 57 แห่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินหรือการอนุญาตใช้พื้นที่จากหน่วยงานราชการ ซึ่งกรมการศาสนาได้ประสานและขอความร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ยื่นคำขอแล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า การจัดตั้งและรับรองวัดคาทอลิกเป็นกลไกสำคัญ ในการส่งเสริมและอุปถัมภ์ศาสนาในประเทศไทยให้สอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกระทรวงวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างศาสนสถานที่มั่นคงให้แก่คริสต์ศาสนิกชน เพื่อการประกอบศาสนกิจอย่างถูกต้อง การศึกษาอบรมหลักธรรมคำสอน และการปลูกฝังคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานของศีลธรรมและจริยธรรม ช่วยส่งเสริมให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ลดความขัดแย้ง และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน



No comments:
Post a Comment