“ครั้งแรกที่ผมได้รู้จักคริปโต” นายริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์ กล่าวในตอนหนึ่งถึงประสบการณ์การเข้าวงการสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งแรกผ่านงานประชุมหนึ่งในปี 2560 “ผมคิดว่า สินทรัพย์ดิจิทัลนี่แหละ ที่จะกลายเป็นอุตสาหกรรมแห่งโลกอนาคต”
ในงาน “Gulf Binance: Digital Asset Forum” ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด และ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ได้รวมตัวผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัลจากทั้งในเครือไบแนนซ์และจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมแสดงทัศนะเกี่ยวกับการเติบโตของเทคโนโลยีเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Web 3 และบล็อกเชน ปัจจัยการเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ศักยภาพของเทคโนโลยี รวมไปถึงความสำคัญของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละภาคส่วนของอุตสาหกรรม โดยภายในงานมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
เทคระยะตั้งไข่ กับศักยภาพไร้ขีดจำกัด
เช่นเดียวกับวงจรชีวิตของเทคโนโลยีและนวัตกรรมอื่นๆ การเติบโตของเทคโนโลยีเบื้องหลังอย่าง Web 3 และบล็อกเชนที่เรียกได้ว่ายังอยู่ในระยะเริ่มแรกนั้น ยังมีการใช้งานที่จำกัด และอาจไม่เต็มศักยภาพที่เทคโนโลยีมี โดยนายสัญชัย ปอปลี ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัดได้เปรียบเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบันกับช่วงการบูมของอินเทอร์เน็ตในยุคแรก ที่การใช้งานมีเพียงการเขียนเว็บโดยผู้พัฒนา และการเข้าชมเว็บโดยคนทั่วไป ก่อนที่หลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจต่างๆ ผู้ให้บริการเครือข่าย นักพัฒนา หรือแม้แต่ผู้ใช้งานเอง จะเริ่มเข้าใจศักยภาพ และร่วมกันเพิ่มประโยชน์การใช้งาน จนสามารถต่อยอดไปสู่แพลตฟอร์มเทคโนโลยี โมเดลธุรกิจ หรือวิถีการสื่อสารและสร้างคอนเทนต์ในแบบใหม่ๆ ที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดความร่วมมือระหว่างกัลฟ์ ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานในหลากหลายด้านของไทย กับไบแนนซ์ ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี Web 3 และบล็อกเชน เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ที่พร้อมวางรากฐานอันแข็งแกร่งรองรับการต่อยอดสู่ธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมดิจิทัลต่อไป
ปัจจัยสู่การเปิดใจรับสินทรัพย์ดิจิทัล
ผลการศึกษา Global Crypto Adoption Index ในปี 2566 โดย Chainalysis ระบุว่า ประเทศไทยมีตัวเลขการใช้งานสกุลเงินคริปโตสูงเป็นอันดับที่ 10 ของโลก พร้อมอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอันดับเช่นกัน โดยผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญภายในงานต่างลงความเห็นสอดคล้องกันในปัจจัยร่วมที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นการใช้งาน เช่น
- ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการเข้าถึงแพลตฟอร์มดิจิทัล (IT Savviness and Digital Penetration) โดยที่ผ่านมา ประเทศไทยมักติดอันดับต้นๆ ในการจัดอันดับผู้ใช้งานบนหลากหลายแพลตฟอร์มโซเชียลอยู่เสมอ ซึ่ง นายนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ได้วิเคราะห์ว่า ความแพร่หลายและความกระตือรือร้นในการใช้โซเชียลมีเดียของคนไทยเป็นส่วนสำคัญในการกระจายข่าวสาร และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสินทรัพย์ดิจิทัล รวมไปถึงความพร้อมในการเรียนรู้การใช้งานแพลตฟอร์มที่ให้บริการเกี่ยวกับการเงินต่างๆ อยู่เสมอ ทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) เติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น การทำธุรกรรมออนไลน์ หรือธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในระดับสัดส่วนของผู้ใช้งานเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศกลับพบว่า ในประเทศส่วนใหญ่ รวมถึงไทย กลับมีจำนวนผู้ใช้ยังไม่แพร่หลาย โดยในไทยมีราว 5 – 10% ที่เป็นผู้ใช้งานหรือครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ช่วงอายุของผู้ใช้งานยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี โดยในตัวอย่างจากอินโดนีเซีย นายยูโดโนะ ราวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tokocrypto กล่าวว่า จากข้อสังเกต ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอินโดนีเซียได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาวที่มีความคุ้นเคยและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว
- การเข้าถึงบริการด้านการเงิน (Financial Inclusion) ในขณะเดียวกัน การมองหาแพลตฟอร์มที่มีหลักการกระจายอำนาจ (Decentralisation) ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้งานในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและธุรกรรมทางการเงินจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ โดย นายวิชัล ซาชีนดรัน หัวหน้าฝ่ายตลาดภูมิภาคของไบแนนซ์ ได้ให้ข้อสังเกตว่า การเข้าถึงบริการด้านการเงิน นอกจากจะหมายถึงกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการได้แล้ว ยังรวมถึงผู้ใช้งานที่ต้องการก้าวข้ามข้อจำกัดที่มีอยู่เดิมในการทำธุรกรรม เช่น เวลาทำการของสถาบันการเงินในหลายๆ ประเทศ ซึ่งการดำเนินงานแบบ 24 ชั่วโมงของแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลทำให้ผู้ใช้งานมีความคล่องตัวมากขึ้น หรือความโปร่งใสในการโอนย้ายสินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถสืบหาที่มาได้ตลอดกระบวนการ ต่างจากสินทรัพย์แบบเดิมหรือสกุลเงินเฟียต เป็นต้น
- การใช้งานในรูปแบบหลากหลายบนโลกจริง (Real-World Use Cases) แม้ปัจจุบัน การใช้งานเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลอาจยังมีจำกัดด้วยจำนวนผู้ใช้งาน ภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการกำกับดูแลต่างๆ แต่เทคโนโลยี Web 3 และบล็อกเชนนั้น มีศักยภาพเหนือไปกว่าการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการลงทุน โดยนางสาวเรเชล คอนแลน ประธานบริหารฝ่ายการตลาดของไบแนนซ์ ได้จับเทรนด์ทิศทางที่น่าสนใจในตลาดและอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้บริโภคต่างๆ ตั้งแต่แบรนด์กีฬา แบรนด์ผลิตภัณฑ์ลักชูรี หรือกลุ่มผู้พัฒนาเกมส์ที่มีพื้นที่และคอมมูนิตี้บนโลกดิจิทัลอยู่แล้ว โดยก่อให้เกิดพื้นที่การสื่อสารและการทำงานร่วมกันใหม่ๆ ระหว่างแบรนด์กันเองหรือกับผู้ใช้งาน อย่างเมตาเวิร์ส (Metaverse) หรือการสร้างคอนเทนต์และงานศิลปะดิจิทัลอย่าง NFT นอกจากนี้ หลักการกระจายอำนาจของเทคโนโลยี Web 3 และบล็อกเชนยังเป็นส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา อย่างการเรียกคืนความเป็นเจ้าของข้อมูล (Data Ownership) ของผู้ใช้งาน ผ่านเทรนด์ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่าง DeSOC (Decentralised Social Media) หรือแพลตฟอร์มโซเชียลแบบกระจายอำนาจ ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บและเป็นเจ้าของข้อมูลที่ตนเองสื่อสารบนโลกออนไลน์ได้เอง โดยไม่ผ่านบริษัทแพลตฟอร์มรายใหญ่ เป็นต้น
No comments:
Post a Comment